Meta ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมถึง Facebook และ Instagram ได้ใช้หลากหลายวิธีในการปราบปรามการหลอกลวงการฆ่าหมูในช่วงสองปีที่ผ่านมา และได้ปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงการฆ่าหมูไปแล้วมากกว่าสองล้านบัญชีในกัมพูชา เมียนมาร์ ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฟิลิปปินส์ภายในหนึ่งปี
การหลอกลวงการฆ่าหมูเป็นการหลอกล่อเหยื่อให้ลงทุนในโครงการลงทุนฉ้อโกงโดยสร้างความไว้วางใจกับพวกเขา การหลอกลวงดังกล่าวทำให้ผู้คนทั่วโลกสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก
ภายใต้นโยบาย "องค์กรและบุคคลอันตราย" และนโยบายด้านความปลอดภัยอื่นๆ Meta ได้ใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญภายในและภายนอกเพื่อตรวจสอบและประเมินองค์กรอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้น แจ้งเตือนองค์กรและบุคคลอันตราย และห้ามไม่ให้บุคคลดังกล่าวใช้แพลตฟอร์มของ Meta นอกจากนี้ บัญชีที่ถูกแจ้งเตือนยังถูกตรวจสอบเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงข้อจำกัดอีกด้วย
นอกจากนี้ Meta ยังทำงานร่วมกับผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรม องค์กรพัฒนาเอกชน และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากองค์กรฉ้อโกงมีอยู่ทั่วโลกและยังคงพัฒนาต่อไปด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงวิธีการก่ออาชญากรรมและพยายามหลบเลี่ยงกฎหมาย
ตัวอย่างเช่น ในการประชุมสุดยอดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Meta รวมไปถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และบริษัทเทคโนโลยีต่างหารือถึงวิธีการจัดการกับกลุ่มอาชญากรออนไลน์ที่หลอกลวงทางออนไลน์ Meta ยังสามารถหยุดยั้งกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรในกัมพูชาได้ด้วยข้อมูลที่ OpenAI แบ่งปันให้
พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธี ผู้บังคับการกองสืบสวนสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในประเทศไทย กล่าวว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำงานร่วมกับ Meta เพื่อหยุดยั้งศูนย์อาชญากรที่หลอกลวงมานานกว่าสองปี เราสามารถแบ่งปันข้อมูลเพื่อให้พวกเขาสามารถสืบสวนและดำเนินการกับผู้ร้าย และช่วยให้เราสามารถจับกุมกลุ่มอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังศูนย์อาชญากรเหล่านี้ได้”
เพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกง Meta ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เพื่อปกป้องผู้ใช้แอป ตัวอย่างเช่น DM ของ Messenger และ Instagram จะแสดงการแจ้งเตือนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแก่ผู้ใช้
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของ Meta มีฐานผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลก ซึ่งยังก่อให้เกิดอาชญากรรมอีกด้วย เหยื่อของการหลอกลวงการลงทุนจำนวนมากถูกหลอกลวงด้วยโฆษณาการลงทุนปลอมบนโซเชียลมีเดีย